มาตรา ๔๒๓
บัญญัติว่า “ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันผ่าผืนต่อความเป็นจริง
เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลของบุคคลอื่นก็ดีหรือเป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี
ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่เขาเพื่อความเสียหายอย่างใดๆอันเกิดแต่การนั้น
แม้ทั้งเมื่อตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริงแต่หากควรจะรู้ได้
ผู้ใดส่งข่าวสาส์นอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง
หากว่าตนเองหรือผู้รับข่าวสาส์นนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว
ท่านว่าเพียงทีส่งข่าวสาส์นเช่นนั้นหาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่”
บทบัญญัติมาตรานี้บัญญัติถึงการกระทำละเมิดอย่างหนึ่งเป็นเอกเทศนอกเหนือจากมาตรา
๔๒๐ เรียกกันว่าหมิ่นประมาทในทางแพ่ง
อันรับรองว่าชื่อเสียงเกียรติคุณและทางทำมาหาได้ทางเจริญของบุคคลเป็นสิทธิซึ่งอาจถูกกระทำละเมิดได้แม้จะมิใช่สิทธิตารมมาตรา
๔๒๐ ก็ตาม แต่การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทด้วยข้อความจริง ซึ่งไม่เป็นละเมิดตามมาตรา
๔๒๓ นี้ (ฏีกาที่ ๑๒๔/๒๔๘๗) ปัจจุบัน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๔๐ มาตรา ๓๔ บัญญัติไว้ว่าสิทธิของบุคคลในเกียรติยศ ชื่อเสียง
ย่อมได้รับความคุ้มครอง การกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลาย
ซึ่งข้อความหรือภาพไม่ว่าด้วยวิธีใดไปยังสาธารณชน
อันเป็นการละเมิดหรือกระทบถึงสิทธิดังกล่าวจะกระทำมิได้ เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน
ดังนั้น
การดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทบุคคลอื่นต่อสาธารณชนอันกระทบถึงเกียรติยศหรือชื่อเสียงของเขาไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือฝ่าฝืนต่อความจริงย่อมเป็นละเมิด
เว้นแต่กรณีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน๖
_______________
๖. ศักดิ์
สนองชาติ,อ้างแล้วเชิงอรรถที่ ๑,หน้า ๗๒-๗๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น